เทคนิคในการเลือกประกันสุขภาพ
การเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกหนีได้ อีกทั้งยังนำมาซึ่งภาระค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล การทำประกันสุขภาพจึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันภัยจากค่ารักษาที่ดีที่สุด คุณจึงต้องเลือกประกันสุขภาพอย่างละเอียด ครอบคลุมตั้งเเต่การป่วยธรรมดาจนถึงโรคร้ายเเรง บทความนี้จึงมาเเนะนำการเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมให้กับคุณ ปัจจัยในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ การเลือกซื้อประกันสุขภาพเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงทั้งด้านสุขภาพเเละด้านการเงินในเวลาเดียวกัน เพราะถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดเพียงครั้งเดียว อาจทำให้เงินเก็บที่คุณสะสมมาหลายปีหายไปในพริบตา เราจึงต้องเลือกประกันที่ครอบคลุมตั้งเเต่ป่วยเล็กน้อยจนถึง ‘ทุพพลภาพ’ คือไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ ก่อนอื่นคุณต้องสำรวจสุขภาพร่างกายเเละสุขภาพการเงินให้ชัดเจน เพื่อนำข้อมูลไปเลือกประกันสุขภาพที่คุ้มค่าต่อชีวิตคุณมากที่สุด โดยปัจจัยสำคัญในการเลือกประกันสุขภาพมีดังนี้
1. เบี้ยประกัน เบี้ยประกันคือเงินที่คุณจ่ายให้กับบริษัทประกันเพื่อซื้อความคุ้มครอง ทั้งนี้โดยมากแล้วอัตราค่าเบี้ยประกันสุขภาพจะปรับเปลี่ยนไปตามอายุ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในแต่ละช่วงอายุ เช่น ตอนเด็กค่าเบี้ยประกันสูงเพราะเด็กมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ หรือวัยชราก็มีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่ายเช่นกัน นอกจากเรื่องอายุแล้ว เพศ สุขภาพ อาชีพ การดำเนินชีวิต จำนวนผู้เอาประกันภัย (กรณีประกันภัยกลุ่ม) ก็เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเบื้ยประกัน ซึ่งเบี้ยประกันสุขภาพที่เหมาะสมควรจ่ายไม่เกิน 10-15% ของรายได้รวมทั้งปี เช่น มีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาท หนึ่งปีจะมีรายได้รวม 240,000 บาท เมื่อคิดค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายในหนึ่งปีที่ 10% คิดเป็นเงิน 24,000 บาทต่อปี หรือถ้ารับได้ที่ 15% ก็จะคิดเป็นเงิน 36,000 บาทต่อปี ถ้าคุณต้องจ่ายมากกว่านี้มีสิทธิ์ที่ประกันสุขภาพจะไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป เเละเบี้ยประกันอาจจะปรับขึ้นทุกๆ ปี ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อประกันสุขภาพควรดูตารางค่าเบี้ยประกันตลอดอายุสัญญา ว่าเหมาะสมกับรายรับเเละค่าใช้จ่ายที่คุณมีหรือไม่
2. วงเงินคุ้มครอง การเจ็บป่วยคือสิ่งที่คาดเดายาก คุณจึงต้องคิดถึงกรณีร้ายเเรงที่สุดเพื่อคาดการณ์ได้ว่า ประกันสุขภาพต้องมีเงินคุ้มครองเท่าไหร่ ถึงจะครอบคลุมค่ารักษาของคุณทั้งหมด เพราะถึงแม้คุณจะมีประกันสุขภาพ เเต่ถ้าค่ารักษาทั้งหมดของคุณไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น คุณก็ต้องจ่ายส่วนต่างตรงนี้ เช่น ค่ารักษาทั้งหมดของคุณคือ200,000 เเต่ประกันคุ้มครองคุณ100,000 แสดงว่าอีกหนึ่งเเสนคุณต้องจ่ายเอง ซึ่งเรื่องไม่คาดคิดเหล่านี้อาจจะสามารถทำให้การเงินของคุณสะดุดได้ ฉะนั้นเมื่อคุณเลือกที่จะซื้อประกันสุขภาพควรมีเงินคุ้มครองที่สูงจนคุณไม่ต้องเสียเงินอีก
3. ความเสี่ยง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงเรื่องสุขภาพส่วนตัว กรรมพันธุ์ หรือโรคประจำตัว เนื่องจากประกันเเต่ละบริษัทครอบคลุมไม่เหมือนกัน เมื่อคุณประเมินความเสี่ยงตนเองว่าสามารถเกิดโรคอะไรขึ้นได้บ้าง จะยิ่งทำให้คุณเลือกซื้อประกันที่เหมาะสม เช่น ที่บ้านมีกรรมพันธุ์โรคหัวใจ เเสดงว่าคุณมีความเสี่ยง คุณจึงต้องเลือกประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงโรคหัวใจ เพราะถ้าไม่ครอบคลุม บริษัทประกันไม่สามารถจ่ายค่ารักษาเเละเงินชดเชยให้คุณได้เพราะนอกเหนือกรมธรรม์ที่คุณได้ทำไว้ กลายเป็นว่าคุณซื้อประกันสุขภาพที่ไม่คุ้มครองสุขภาพของคุณจริงๆ
4. การคุ้มครอง การเจ็บป่วยเเต่ละครั้งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากมาย เช่น ค่าห้องรักษา ค่าผ่าตัด ค่าใช้จ่ายตลอดการพักฟื้นของคุณ หรือการเจ็บป่วยธรรมดาที่ไม่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือเป็นเเค่การรักษาตัวในคลินิก คุณจึงต้องเลือกประกันสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยใน (IPD) ที่รักษาที่โรงพยาบาล (อย่างน้อย 6 ชั่วโมง) เเละผู้ป่วยนอกที่ไม่ได้นอนพักฟื้นในโรงพยาบาล (OPD) จะได้ครอบคลุมตั้งเเต่ป่วยเล็กน้อยจนถึงโรคร้ายเเรง ทั้งนี้ในปัจจุบันยังมีทางเลือกความคุ้มครองสุขภาพแบบเหมาจ่ายไม่จำกัดค่ารักษาพยาบาลต่อรายการอีกด้วย
5. กระเเสเงินสดของตนเอง เมื่อคุณได้ซื้อประกันสุขภาพเรียบร้อย คุณต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันตามสัญญา ฉะนั้นเงินค่าเบี้ยประกันที่คุณต้องจ่ายทุกเดือน/ปี ควรเป็นเงินที่ไม่เดือดร้อนกับค่าใช้จ่ายหลักของคุณ เพราะประกันสุขภาพเหมือนเป็นการซื้อความอุ่นใจด้านสุขภาพในอนาคต จึงไม่ควรส่งผลกระทบต่อเงินในปัจจุบัน
6. โรงพยาบาลที่สามารถรักษาได้ การรักษาภายใต้ประกันสุขภาพส่วนใหญ่ จะกำหนดเครือโรงพยาบาลมาให้ ซึ่งบางครั้งการเจ็บป่วยอาจไม่ได้เกิดขึ้นในละแวกพื้นที่โรงพยาบาลในเครือข่ายเสมอไป เช่น เจ็บป่วยตอนไปต่างจังหวัด คุณจึงควรเลือกประกันสุขภาพที่ให้คุณรักษาที่โรงพยาบาลได้หลากหลาย จะได้ครอบคลุมความเสี่ยงด้านสุขภาพทุกพื้นที่ ลักษณะความคุ้มครองของประกันสุขภาพ ประกันสุขภาพมีหลายแบบให้คุณได้เลือก ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันว่าจะจัดสรรความคุ้มครองเเต่ละเเบบ อย่างไร โดยลักษณะความคุ้มครองของประกันสุขภาพมีทั้งหมด 7 ประเภทคือ
1. การรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้เอาประกันต้องนอนในโรงพยาบาลอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เนื่องจากเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ
2. ค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัด บริษัทมีเงินคุ้มครองในการรักษาจากการผ่าตัด รวมถึงค่ารักษาในการปรึกษาเเพทย์
3. ค่าใช้จ่ายจากการให้เเพทย์มาดูเเล บริษัทมีเงินค่ารักษาทางการเเพทย์ ซึ่งวงเงินมากน้อยเพียงใด ขึ้นกับรูปแบบประกันที่คุณเลือก
4. ค่าใช้จ่ายจากการรักษาที่คลินิก หรือ แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล ครอบคลุมถึงการรักษาที่คลีนิกหรือเรียกว่าผู้ป่วยนอก (OPD)
5. การชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบริการโดยพยาบาลพิเศษ
บริษัทมีวงเงินสำหรับค่าพยาบาลพิเศษทั้งที่โรงพยาบาลเเละที่บ้าน ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามคำสั่งของเเพทย์ ประกันสุขภาพเหมาะกับใครบ้าง
1. ผู้ที่มีสุขภาพดีแต่กังวลว่าตัวเองอาจมีความเสี่ยงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล กลุ่มนี้มีโอกาสเข้าโรงพยาบาลบ่อยมากกว่ากลุ่มอื่น การทำประกันสุขภาพจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะช่วยลดค่ารักษาต่างๆ ได้อย่างดี รวมถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพภายใต้โรงพยาบาลที่ได้ทำประกันสุขภาพไว้
2. วัยทำงาน ที่มองหาประกันสุขภาพเสริมจากสวัสดิการที่ตัวเองมีอยู่ หรือ ป้องกันความเสี่ยงเรื่องสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงาน เช่น ความคิดที่ส่งผลต่อโรคความดันสูง
3. เจ้าของกิจการ ถึงเเม้จะมีรายได้ที่สูงกว่าพนักงานเงินเดือนเเต่ก็ทำงานหนักมากกว่า ส่งผลให้ละเลยสุขภาพตนเอง เช่น กินอาหารไม่ตรงเวลา นอนดึก ละเลยสัญญาเตือนของโรคภัย อีกทั้งไม่มีประกันชีวิตเบื้องต้นเหมือนกับพนักงานเงินเดือนที่บริษัททำให้ การซื้อประกันจึงเหมือนเป็นการบริหารความเสี่ยงให้คุณทำงานอย่างหนักได้อย่างปลอดภัย
4. ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี ประกันสุขภาพนอกจากจะคุ้มครองสุขภาพของคุณเเล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์เรื่องการลดหย่อนภาษีด้วย โดยประกันสุขภาพที่มีสิทธิลดหย่อนภาษีต้องเข้าเกณฑ์ดังนี้ • ประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการเจ็บป่วยเเละบาดเจ็บ เช่น การทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ • ประกันภัยโรคร้ายเเรง • ประกันภัยการดูเเลระยะยาว ถ้าประกันสุขภาพของคุณมีเกณฑ์เข้าข่ายสามารถทำเรื่องลดหย่อนภาษีได้เลย การประกันสุขภาพจึงเปรียบเสมือนองครักษ์ของคุณที่ดูเเลทั้งการเงินเเละสุขภาพ เมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาคุณไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบถึงความมั่นคงในชีวิตเเละครอบครัว เพราะถ้าคุณเลือกครอบคลุมตามชีวิตคุณจริงๆ บริษัทประกันจะดูเเลทั้งตัวคุณเเละครอบครัวเป็นอย่างดี